ด้วยพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ปัจจุบัน ดอยอ่างขาง ได้เปลี่ยนสภาพจากภูเขาซึ่งถูกตัดไม้ทำลายป่ามาเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติงดงามและยังเป็นที่อยู่อาศัยของชาวไทยภูเขาเผ่าจีนฮ่อ ไทยใหญ่ มูเซอร์ดำ และ ปะหล่อง อาศัยอยู่โดยรอบกว่า 600 ครัวเรือนใน 6 หมู่บ้าน
ดอยอ่างขาง มีอากาศที่หนาวเย็นตลอดปี
โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม
อากาศเย็นจนน้ำค้างกลายเป็นน้ำค้างแข็ง
นักท่องเที่ยวจึงควรเตรียมเครื่องกันหนาวมาให้พร้อม
เช่น หมวก ถุงมือ ถุงเท้า เสื้อกันหนาว
เริ่มต้นเดินทางสู่ดอยอ่างขาง
การเดินทางสู่ดอยอ่างขางของพวกเราเริ่มต้นจากตัวเมืองเชียงใหม่
ซึ่งพวกเราพักค้างคืนที่ตัวเมืองเชียงใหม่ และ ในช่วงเช้าตระเวณไหว้พระตามวัดต่างๆ
ช่วงเที่ยงทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ก็เริ่มต้นออกเดินทางในช่วงบ่ายๆ
เพราะกะว่าเดินทางไปถึงอ่างขางก็คงเย็นพอดี แล้วจะได้พักค้างแรมและเที่ยวอย่างเต็มที่ในตอนเช้า
"คำเตือนสำหรับการเดินทางสู่ดอยอ่างขาง"
การเดินทางสู่ดอยอ่างขาง ไม่ควรเดินทางในช่วงกลางคืนนะครับ หรือ ไม่ควรออกจากตัวเมืองเชียงใหม่เย็นเกินไป
เพราะว่าจะเดินทางไปถึงในช่วงมืด ซึ่งบอกได้เลยครับว่ามันอันตรายมากๆ
เนื่องจากเส้นทางทั้งคดเคี้ยวและสูงชัน ควรกะเวลาให้ดี เผื่อไปเลยครับ ประมาณ 4 ชั่วโมงจากตัวเมืองเชียงใหม่
ควรตรวจสภาพเบรคให้เรียบร้อย
วิธีการขับรถขึ้นดอยทางลาดชันควรใช้เกียร์ต่ำ ยิ่งตอนขาลงให้ใช้เกียร์ต่ำช่วยชะลอความเร็วรถ พยายามอย่าใช้การแตะเบรคมากเกินไป เพราะว่าจะทำให้เบรครถไหม้ และ ถ้าเบรคไหม้จะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
การเดินทางขึ้นดอยอ่างขางมี 2 เส้นทางนะครับ
จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เส้นทาง 107 จนมาถึงแยก อ.เชียงดาว
เส้นทางที่ 1 : ทางซ้ายไปหมู่บ้านอรุโณทัย
เส้นทางที่ 2 : ทางขวาไป อ.ไชยปราการ
ซึ่งทั้ง 2 เส้นทางนี้มีระยะทางต่างกันไม่มากนัก แต่เรื่องความน่ากลัวต่างกันค่อนข้างเยอะ
เส้นทางไปหมู่บ้านอรุโณทัย จะชันน้อยกว่ามาก ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใช้เส้นทางนี้กันเพราะว่าไม่ค่อยคุ้นเคย
นักท่องเที่ยวจะใช้เส้นทางที่ไปทาง อำเภอไชยปราการ เพราะว่าจะเห็นในรีวิวว่าใช้เส้นทางนี้กันเยอะ
แต่ขอบอกว่าอันตรายสุด ทั้งชัน ทั้งโค้งหักศอก เยอะมาก
ส่วนตัวใช้มาแล้วทั้ง 2 เส้นทาง สรุปได้ว่าไปทางหมู่บ้านอรุโณทัย ทางชันน้อยกว่า โค้งหักศอกไม่ค่อยมีเท่าไหร่
ดูจากแผนที่ด้านล่างนี้ นะครับ ทางซ้ายสีเทา ไปทางหมู่บ้านอรุโณทัย และ ทางขวาไปทาง อ.ไชยปราการ
และแล้วพวกเราก็เดินทางถึงที่พักที่ชื่อว่า รีสอร์ท ธรรมชาติ อ่างขาง ในช่วงมืดพอดี
ซึ่งรีสอร์ทแห่งนี้เป็นรีสอร์ท ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความสะดวกสบาย
หรือ อาจจะเดินทางไปเที่ยวกับผู้ใหญ่ และ เด็กเล็กๆ ก็ถือว่าดีมากๆ
และที่สำคัญอยู่ใกล้กับทางเข้า สถานีเกษตรอ่างขาง เลยครับ สะดวกจริงๆ
ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ยกเว้นแอร์ เพราะว่าอากาศที่นี่เย็นสบายตลอดทั้งปี
ยิ่งช่วงหน้าหนาวตอนกลางคืนบางทีมีโอกาสติดลบ
เพราะฉะนั้นแอร์ไม่มีความจำเป็น
แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือเครื่องทำน้ำอุ่นเนี่ยแหละครับ ถ้าไม่มีแย่แน่ๆ
แต่ก่อนเข้านอนพวกเราก็ต้องหาอะไรทานกันก่อนล่ะครับ
เพราะว่าตลอดทางที่เดินทางมาจากตัวเมืองเชียงใหม่ เป็นระยะเวลากว่า 4-5 ชั่วโมง ยังไม่ได้ทานอะไรกันเลย
และแน่นอนครับ มาที่นี่ก็ต้องไปทานอาหารอร่อยๆ ที่ สโมสรอ่างขาง
เพราะว่าที่นี่เค้าขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยของอาหารจริงๆ
พวกเราขับรถออกจากที่พักเข้าไปในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง
ทางเข้าจะมีด่านตรวจ ก็บอกเค้าว่าจะเข้าไปทานอาหารที่สโมสรอ่างขาง เค้าก็ให้เข้าไม่ต้องเสียเงินค่าเข้าครับ
โซนทานอาหารมีทั้งเป็นนั่งภายใน และ นั่งทานกันด้านนอก
แต่กลางคืน ถ้านั่งข้างนอกนี่ไม่ไหวมีโอกาสป่วย เพราะว่าหนาวเหลือเกิน
เนื่องจากสมาชิกทุกคนหิวกันมากเลยสั่งกันมาอย่างจัดเต็ม
อาหารที่นี่ก็ใช้วัตถุดิบมาจากโครงการหลวงเนี่ยแหละครับ
ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องของความสด และ ปราศจากสารเคมี
หลังจากพักค้างคืนเรียบร้อยแล้ว ในช่วงเช้า ก็ไม่พลาดที่จะตื่นแต่เช้า เพื่อมาสูดอากาศที่บริสุทธิ์ บริเวณที่พัก
รวมถึงออกไปเดินเล่นด้านนอกรีสอร์ท เพื่อชมวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่กัน
อุณหภูมิเช้านี้ 13 องศา
แต่เมื่อคืนนี้ไม่ต้องพูดถึงน่าจะลงไปถึงศูนย์องศาเลยล่ะครับ
เพราะว่าหนาวมากๆๆๆ
โชคดีที่เตียงเค้าเป้นเตียงไฟฟ้า ช่วยเพิ่มความอุ่นให้ได้เป็นอย่างดี ไม่งั้นแย่เลย
ทางเดินจากบริเวณล็อบบี้ขึ้นไปที่พักจะค่อนข้างชัน
ถ้าเดินแบบไม่มีสัมภาระก็พอไหว แต่ถ้ามีสัมภาระทางรีสอร์ทเค้าจะมีรถไว้คอยให้บริการครับ
ต้นซากุระ กำลังผลิดอกสวยเลยครับ
ต้นนี้ปลูกอยู่ที่ รีสอร์ทธรรมชาติอ่างขางนะครับ
และต้นนี้คือต้นซากุระจริงๆ ครับ ไม่ใช่นางพญาเสือโคร่ง
เมื่อได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์จนเต็มปอดแล้ว พวกเราก็เตรียมตัวเข้าไปชมความสวยงามด้านในของสถานีเกษตรหลวงอ่างขางกันต่อเลยครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เพราะว่าในค่ำคืนนี้เราไม่ได้พักกันที่นี่ เราต้องเที่ยวให้เสร็จก่อนบ่าย 2 เพราะว่า ไม่อยากเดินทางลงจากดอยอ่างขาง เย็นเกินไป เพราะว่าจะทำให้ติดช่วงมืดค่ำ และ เส้นทางก็จะน่ากลัวมากๆ
บริเวณทางเข้าสถานีเกษตรหลวงอ่างขางจะมีด่านเก็บเงินค่าเข้าคนละ 50 บาท
การขับรถเที่ยวภายในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง จะขับเป็นวงกลม ซึ่งเราสามารถจอดรถตามจุดที่เราสนใจเข้าชมได้เรื่อยๆ ตลอดเส้นทางโดยรอบ ซึ่งภายในสถานีเกษตรหลวงอ่างขางมีจุดน่าแวะเที่ยวชมอยู่หลายจุด อาทิ
สวนบอนไซอ่างขาง
อยู่ในบริเวณสถานีฯ เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้เขตอบอุ่นและเขตหนาวทั้งในและต่างประเทศ ปลูก ดัด แต่ง โดยใช้เทคนิคบอนไซ สวยงามน่าชม และในบริเวณเดียวกันก็มีสวนสมุนไพรด้วยฤดูท่องเที่ยวอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม
ลานดอกไม้กลางแจ้ง
ซึ่งบริเวณนี้แต่ก่อนเป็นแปลงปลูกผักแต่ภายหลังเปลี่ยนมาปลูกเป็นไม้ดอก ซึ่งมีการปลูกสลับหลายสายพันธุ์เพื่อให้ดอกไม้สวยๆ ที่แปลงนี้ได้สลับสับเปลี่ยนกันออกดอกในแต่ละช่วงของปี ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวที่นี่ได้เห็นดอกไม้สวยๆ อยู่ตลอดทั้งปี
เดินเที่ยวอยู่พักใหญ่ ก็เริ่มหิวซะแล้วล่ะครับ
พวกเราเลยขอชะแว๊บเข้าไปนั่งทานอาหารกลางวันกันที่สโมสรอ่างขางกันก่อน
สวน 80
เป็นสวนดอกไม้เมืองหนาว ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสโมสรอ่างขาง เดินข้ามถนนมาก็ถึงเลย สวนแปดสิบแห่งนี้ สร้างขึ้นในวโรกาสที่หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี องค์ประธานมูลนิธีโครงการหลวงทรงมีพระชนพรรษาครบ 80 พรรษา สวนแปดสิบมีพรรณไม้ดอกเมืองหนาวปลูกลงแปลงไว้มากกว่า 60 ชนิด ออกดอกสวยงามตลอดปี และจะยิ่งสวยงามมากๆ ในช่วงฤดูหนาวที่พรรณไม้หลายชนิดพากันออกดอกพร้อมเพียงกันซึ่งได้แก่ แมกโนเลีย กุหลาบพันปี หรืออาซาเลีย คาเมเรีย เป็นต้น
แปลงต้นบ๊วย
ชมความงามของดอกบ๊วยที่จะผลิบานให้ได้ยลโฉมกันในช่วงเดือนมกราคมของทุกปี
ดอกบ๊วยสีขาวๆ กำลังผลิดอกให้ได้ชมพอดีเลย
หลังจากที่เที่ยวชมความงดงามของสถานีเกษตรหลวงอ่างขางกันจนจุใจแล้วก็เดินทางกันต่อ
พวกเราแวะชมความงานของต้นนางพญาเสือโครงตรงบริเวณ 3 แยก อ.ไชยปราการ
ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ปลูกต้นนางพญาเสือโครงไว้เยอะมาก และ ตอนที่ออกดอกพร้อมๆ กันจะสวยมาก
นักท่องเที่ยวนิยมจอดรถแวะเก็บภาพสวยๆ กันบริเวณนี้
GPS : 19.88919, 99.04649
ขับรถผ่าน 3 แยกไชยปราการมาได้ซักพักก็ต้องจอดแวะเก็บภาพบริเวณลานกางเต๊นท์ดอยอ่างขาง
ตรงบริเวณนี้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบใกล้ชิดธรรมชาติมากๆ
GPS : 9.86322 , 99.05147
สำหรับใครพี่พักเต๊นจะมีห้องน้ำรวมให้นะครับ
ค่าใช้จ่ายต่างๆ พร้อมเบอร์โทรอยู่ด้านล่างนี้นะครับ
โทร. 089-8385105 , 086-192-4218
กิจกรรมท่องเที่ยวบนดอยอ่างขาง
มีหลายอย่างที่สามารถจัดขึ้นได้ รีสอร์ทธรรมชาติอ่างขางริเริ่มจัดกิจกรรมท่องเที่ยวขึ้นที่นี่ ได้แก่
เส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะสั้น
ประมาณ 2 กิโลเมตร จะได้ชมน้ำตกเล็กๆ และกุหลาบพันปี
เส้นทางจักรยานเสือภูเขา
จากบ้านคุ้มไปยังบ้านนอแล และ จากบ้านหลวงไปยังบ้านผาแดง
จุดชมนก
มีนกมากกว่า 1,000 สายพันธุ์ จุดที่เหมาะคือสถานีป่าแม่เผอะและบริเวณรอบๆรีสอร์ธรรมชาติอ่างขาง
การขี่ฬ่อล่องไพร
ชมความงดงามของธรรมชาติในบรรยากาศเย็นสบายรอบๆดอยอ่างขางด้วยการนั่งบนหลังฬ่อ (การนั่งบนหลังฬ่อต้องนั่งหันข้างเนื่องจากอานกว้างไม่สามารถนั่งคร่อมอย่างการขี่ม้าได้) หากสนใจกิจกรรมนี้ต้องติดต่อกับรีสอร์ทล่วงหน้าอย่าน้อย 1 วัน เพราะปกติชาวบ้านจะนำฬ่อไปเป็นพาหนะขนผลิตผลทางการเกษตรด้วย
ข้อมูลเกี่ยวกับสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง
เรื่องกำเนิดของสถานีฯแห่งนี้เป็นเกร็ดประวัติเล่ากันต่อมาว่าครั้งหนึ่งพระเจ้าอยู่หัวเสด็จทางเฮลิคอปเตอร์ผ่านยอดดอยแห่งนี้และทอดพระเนตรลงมาเห็นหลังคาบ้านคนอยู่กันเป็นหมู่บ้าน จึงมีพระดำรัสสั่งให้เครื่องลงจอด เมื่อเสด็จพระราชดำเนินลงมาทอดพระเนตรเห็นทุ่งดอกฝิ่น และหมู่บ้านตรงนั้นก็คือหมู่บ้านของชาวเขาเผ่ามูเซอซึ่งในสมัยนั้นชาวเขากลุ่มนี้ยังไว้แกละถักเปียยาว แต่งกายสีดำ สะพายดาบ พระองค์จึงมีพระราชดำรัสที่จะแปลงทุ่งฝิ่นให้เป็นแปลงเกษตร สถานีฯจึงเกิดขึ้นเมื่อปี 2512 มีโครงการวิจัยผลไม้ ไม้ดอกเมืองหนาว งานสาธิตพืชไร่ พืชน้ำมัน โดยมุ่งที่จะหาผลิตผลที่มีคุณค่าพอที่จะทดแทนการปลูกฝิ่นของชาวเขา และทำการส่งเสริมพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมแก่ชาวเขาในบริเวณใกล้เคียง สามารถชมแปลงทดลองปลูกไม้ผลเมืองหนาว ได้แก่ ท้อ บ๊วย พลัม สตรอเบอรี่ สาลี่ ราสเบอรี่ พลับ กีวี ลูกไหน เป็นต้น พืชผักเมืองหนาว เช่น แครอท ผักสลัดต่างๆ ฯลฯ แปลงไม้ดอก เช่น คาร์เนชั่น กุหลาบ แอสเตอร์ เบญจมาศ ฯลฯ มีการจำหน่ายผลิตผลที่ปลูกในบริเวณโครงการฯ ให้แก่นักท่องเที่ยวตามฤดูกาล
แหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจบริเวณรอบๆ สถานีโครงการหลวงอ่างขาง
หมู่บ้านคุ้ม
ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีฯ เป็นชุมชนเล็กๆประกอบด้วยผู้อยู่อาศัยหลายเชื้อชาติอยู่รวมกัน อาทิชาวไทยใหญ่ ชาวพม่าและชาวจีนฮ่อ ซึ่งได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณนี้และเปิดร้านค้าบริการแก่นักท่องเที่ยว
จุดชมวิวกิ่วลม
อยู่ทางด้านซ้ายมือก่อนถึงทางแยกซึ่งจะไปหมู่บ้านปะหล่องนอแลทางหนึ่ง และบ้านมูเซอขอบด้งทางหนึ่ง สามารถชมวิวได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตก หรือทะเลหมอก มองเห็นทิวเขารอบด้านและหากฟ้าเปิดจะมองเห็นสถานีเกษตรหลวงอ่างขางด้วย
หมู่บ้านนอแล
ตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย - พม่า แต่เดิมคนกลุ่มนี้อยู่ในพม่าและพึ่งอพยพมาที่นี่ได้ประมาณ 15 ปี คนที่นี่เป็นชาวเขาเผ่าปะหล่องเชื้อสายพม่า ซึ่งมีภาษาและวัฒนธรรมเป็นของตนเอง นับถือศาสนาพุทธ ทุกวันพระผู้คนที่นี่หยุดอยู่บ้านถือศีล จากหมู่บ้านนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์สวยงามของธรรมชาติบริเวณพรมแดนไทย-พม่า
หมู่บ้านขอบด้ง
เป็นที่ที่ชาวเขาเผ่ามูเซอดำและเผ่ามูเซอแดงอาศัยอยู่ร่วมกัน คนที่นี่นับถือผี มีวัฒนธรรมและความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการส่งเสริมจากโครงการหลวงในด้านการเกษตรและด้านหัตถกรรมพื้นบ้าน (เช่น อาบูแค เป็นกำไลถักด้วยหญ้าไข่เหามีสีสันและลวดลายในแบบของมูเซอ)
บริเวณหน้าหมู่บ้านจะมีการจำลองบ้านและวิถีชีวิตของชาวมูเซอ โดยชาวบ้าน ครู และนักเรียนโรงเรียนบ้านขอบด้งช่วยกันสร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่สนใจได้มีโอกาสเรียนรู้และศึกษาวัฒนธรรมของหมู่บ้านโดยที่ไม่เข้าไปรบกวนความเป็นส่วนตัวของเขามากเกินไป และยังมีโครงการมัคคุเทศก์น้อยที่อบรมเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านขอบด้งเพื่อช่วยอธิบายวิถีชีวิตของพวกเขาให้ผู้มาเยือน ทั้งนี้เพื่อเป็นการปลูกจิตสำนึกและสร้างความรักท้องถิ่นให้เด็กๆด้วย
หมู่บ้านหลวง
ชาวหมู่บ้านหลวงเป็นชาวจีนยูนานที่อพยพมาจากประเทศจีนในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และประกอบอาชีพด้านการเกษตรกรรมเป็นหลัก อาทิ ปลูกผักผลไม้ เช่น พลัม ลูกท้อ และสาลี่
ร้านอาหารอร่อยๆ แนะนำบนดอยอ่างขาง
ร้านอาหารจีนยูนนานเจ๊เหมย
พิกัด 19.80758,99.10262
สำหรับร้านเจ๊เหมย เป็นร้านอาหารจีนยูนนานที่มีเมนูขึ้นชื่อซึ่งถือเป็นหมัดเด็ดของทางร้านก็คือ สุกี้ยูนนาน เค้าเสิร์ฟหม้อขนาดจัมโบ้ทานกันได้ 8-10 คน ใส่ส่วนผสมครบเครื่องถึง 10 ชนิด จัดเรียงเป็นชั้นๆ นำขบวนด้วย ไก่ดำ ผักกาดเขียว เผือก ฟองเต้าหู้ ไข่ม้วน เห็ดหอม สาหร่าย หน่อไม้แห้ง แฮมยูนนาน และ หมูชุปแป้งทอดสูตรพิเศษ ซึ่งใช้เวลาต้มนานกว่า 2 ชั่วโมง เพิ่มความสมบูรณ์ของรสชาติด้วยน้ำจิ้มรสเด็ดหอมกลิ่นเต้าหู้ยี้ ระหว่างรอทานสุกี้ แนะนำว่าให้สั่งหมั่นโถวทอดมาลองซักจาน แล้วจะติดใจฝันถึง เพ้อถึงเลยล่ะครับ
ร้านอาหารจีนยูนนานเจ๊เหมย เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 22.00 น.
สโมสรอ่างขาง
พิกัด 19.91010,99.04314
สโมสรอ่างขาง เป็นสถานที่รองรับนักท่องเที่ยว เพื่อฝากท้องหลังจากที่ชื่นชมความสวยงามของสถานที่ต่างๆ บนดอยอ่างขาง สำหรับเมนูเด็ด ของที่นี่ คือ ยำสตรอเบอร์รี่สด น้ำพริกอ่างขาง สลัดผักที่เด็ดจากฟาร์มสดๆ รับประกันเรื่องปลอดสารพิษ ผักคอสสดกริบ ราดน้ำสลัด อารมณ์คล้ายๆ กับน้ำสลัดสใตล์ญี่ปุ่น คลุกเคล้าไก่ฉีก โรยหมี่กรอบยูนนาน ต่อด้วยไก่อุ๊ป ซึ่งถือว่าเป็นอาหารโปรดของชาวไทใหญ่ ส่วนของวัตถุดิบที่นำมาใช้ปรุงแต่งในการทำอาหารก็คือพืชผลทางการเกษตรที่ปลูกภายในโครงการ
สโมสรอ่างขางเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 น. – 22.00 น. ทุกวัน
ถิงถิงโภชนา
พิกัด 19.90065,99.03992
ร้านถิงถิงโภชนาได้นำอาหารจีนยูนนานที่มีเอกลักษณ์คือติดมัน มาดัดแปลงใหม่ในสไตล์ของตัวเอง จนลดความเลี่ยน และถูกปากนักชิมมากขึ้นกว่าสูตรดั้งเดิมเยอะ เลยทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ยอดฮิตอีกแห่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาเที่ยวบนดอยอ่างขาง เมนูยอดฮิตก็คือ ขาหมูหมั่นโถว, เห็ดหอมสดอบซีอิ๊ว, ลูกมะระยัดเยื่อไผ่, ไก่ดำตุ๋นโสม
ร้านถิงถิงโภชนา เปิดให้บริการเฉพาะช่วง High Season ตั้งแต่เวลา 06.00 น. - 21.00 น.
ที่พักบนดอยอ่างขาง
บ้านพักสถานีอ่างขาง
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง มีที่พักแรมได้ประมาณ 80 คน บริการอาหารวันละ 3 มื้อ/คน/วันคนละ 100 บาท เฉพาะกรณีที่สถานีฯมีความสะดวกในการรับบุคคลภายนอกเท่านั้น
ติดต่อรายละเอียดโครงการหลวง 65 ถนนสุเทพเชียงใหม่ 50002 หรือ สถานีเกษตรหลวงอ่าวขาง ตู้ปณ.14 อำเภอฝาง เชียงใหม่ 50110
ราคาเริ่มต้น ต.ค. - มี.ค. 1,500 บาท (รวมอาหารเช้า)
เม.ย. - ก.ย. 800 บาท (ไม่รวมอาหารเช้า)
รีสอร์ทธรรมชาติอ่างขาง
รีสอร์ท ธรรมชาติอ่างขางถูกล้อมรอบด้วยทัศนียภาพที่สวยงามอลังการ ตื่นตาตื่นใจด้วยสวนดอกไม้สวงามด้านหน้าที่พัก พร้อมด้วยแบ็คกราวที่เป็นภูเขาสูงเขียวชะอุ่ม ในยามเช้ามีอากาศเย็นสบาย และ สายหมอกจางๆ ลอยไปลอยมาให้ได้ยลโฉมริมระเบียงที่พัก รีสอร์ท ธรรมชาติมีห้องพักรวมๆ ประมาณ 72 ห้อง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน รวมถึงผ้าห่มไฟฟ้าเพื่อคลายความหนาวเหน็บ
รีสอร์ทธรรมชาติอ่างขาง ตั้งอยู่ ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ อยู่บริเวณปากทางเข้าสถานีฯ อ่างขาง ไม่เกิน 500 เมตร
โทร. 0-5345-0110
ราคาเริ่มต้น 3,000 บาท (15 ธค - 15 มค เริ่มต้น 5,000 บาท)
อ่างขางวิลล่า
อ่างขางวิลล่า เป็นที่พักที่ไม่หรูหราเทียบเท่ากับ 2 ที่พักข้างต้น ด้วยขนาดห้องพักที่กำลังสบายๆ สำหรับผู้เข้าพัก 2 ท่าน สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ตั้งเรียงรายอยู่ตามเนินเขา หันหน้าไปทางชุมชนบ้านคุ้ม ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวจีนยูนนานและชาวไทใหญ่ ทุกห้องพักมีระเบียงให้ได้นั่งชิลล์ๆ ชมวิวด้านหน้าห้องพัก
อ่างขางวิลล่า ตั้งอยู่ ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
บริเวณบ้านคุ้ม หน้าปากทางเข้าสถานีฯ อ่างขาง จุดติดต่ออยู่เยื้องๆ ถิงถิงโภชนา
โทร. 0-5345-0010, 0-5345-0023, 087-183-7500
ราคาเริ่มต้น 1,200 บาท (เมย - กย 800 บาท)
แผนที่ดอยอ่างขาง เชียงใหม่
พิกัด GPS 19.303698,98.6471795
แผนที่แสดงเส้นทางจากตัวเมืองเชียงใหม่สู่ดอยอ่างขาง ระยะทางประมาณ 178 กิโลเมตร ถึงแม้ในแผนที่จะแจ้งว่าใช้เวลาขับรถประมาณ 3 ชั่วโมง แต่การขับจริงๆ เนื่องจากมีทางโค้งเยอะ และ ทางค่อนข้างชัน จึงขอแนะนำให้เผื่อเวลาขับรถไว้ซักประมาณ 4 ชั่วโมง หากพักที่ตัวเมืองเชียงใหม่ ก่อนเดินทางขึ้นดอยอ่างขาง ควรกะเวลาออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ ไม่เกินบ่าย 2 โมง เพราะว่าออกช้ากว่านั้น อาจจะทำให้เดินทางไปบนยอดดอยอ่างขางดึก และ จะอันตราย เนื่องจากทางจะมืดและชัน
สรุปการเดินทางขึ้นดอยอ่างขางอีกรอบ สำหรับคนมีรถยนต์ส่วนตัว และ ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว
โดยรถยนต์ส่วนตัว : บนเส้นทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่-ฝาง) ประมาณกิโลเมตรที่ 137 จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าบ้านยางที่ตลาดแม่ข่า เข้าไปอีกประมาณ 25 กิโลเมตร เป็นทางลาดยาง สูงและคดเคี้ยว ต้องใช้รถสภาพดีและมีกำลังสูง คนขับชำนาญ หรือจะหาเช่ารถสองแถวได้ที่ตลาดแม่ข่าง
รถโดยสารจากกรุงเทพฯ : ใช้บริการรถเมล์สาย กรุงเทพฯ - ฝาง นั่งไปลงปากทางขึ้นดอยอ่างขาง ซึ่งตรงบริเวณปากทางขึ้นดอยอ่างขาง ให้สังเกตุบริเวณตรงข้ามวัดหาดสำราญ จะมีรถสองแถว (สีขาว) จอดรออยู่ ซึ่งรถจะออกเมื่อมีผู้โดยสารครบ 10 คน แต่ถ้าไม่ต้องการรอให้ผู้โดยสารครบ 10 ก็ต้องเหมารถขึ้นไป ราคาประมาณ 1,700 บาท เฉพาะขึ้นไปส่ง และ รับกลับลงมา แต่ถ้าจะเอาแบบให้ขึ้นไปส่งอย่างเดียว ราคา 800 บาท
รถโดยสารจากตัวเมืองเชียงใหม่ : มี 2 วิธีคือ
1. นั่งรถตู้สายเชียงใหม่ - ท่าตอน ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ค่ารถคนละ 150 บาท รถจะไปส่งถึงเชิงดอยอ่างขาง
หรือ
2. จากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปขึ้นรถเมล์สีส้มสายเชียงใหม่-ท่าตอน ที่ขนส่งช้างเผือก ถ้าลงที่ปากทางขึ้นอ่างขาง ค่ารถคนละ 80 บ. รถมีออกเที่ยวแรกตอน 6 โมงเช้า มีออกทุกครึ่งชั่วโมง ใช้เวลาราว 3 ชั่วโมงเหมือนรถตู้ บอกกระเป๋ารถว่าจะลงหน้าวัดหาดสำราญ ถ้าถึงแล้วให้จอดรถด้วย
แผนที่แสดงเส้นทางรถเมล์สายสีส้มจากสถานีขนส่งช้างเผือก ไปลงที่วัดหาดสำราญ ก่อนขึ้นสองแถวต่อไปที่ดอยอ่างขาง
จากนั้นให้สังเกตุบริเวณตรงข้ามวัดหาดสำราญ จะมีรถสองแถว (สีขาว) จอดรออยู่ ซึ่งรถจะออกเมื่อมีผู้โดยสารครบ 10 คน แต่ถ้าไม่ต้องการรอให้ผู้โดยสารครบ 10 ก็ต้องเหมารถขึ้นไป ราคาประมาณ 1,700 บาท เฉพาะขึ้นไปส่ง และ รับกลับลงมาไม่ได้พาเที่ยวชมภายในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง แต่ถ้าจะเอาแบบให้ขึ้นไปส่งอย่างเดียว ราคา 800 บาท