การเดินทางเที่ยวเชียงใหม่ครั้งนี้ พวกเราได้มีโอกาสมาชาร์ตแบ็ตกันในที่พักที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด และได้ทานอาหารอร่อยๆ แบบยกนิ้วโป้งให้สองนิ้วเข้าไปเต็มพุง
ทั้งหมดที่ผมกล่าวมารวมอยู่ที่นี่ที่เดียวเลยครับ ที่ Chic 39 Bed Bar and Bakery
หลังจากจอดรถบริเวณด้านหน้าที่พัก ก็เดินตามทางลาดแต่ไม่ชันมากแบบนี้ขึ้นมาตรงบริเวณส่วนของร้านอาหารและที่พัก ซึ่งบอกได้เลยว่าแค่สัมผัสแรกคุณต้องรู้สึกว่าที่นี่ชิลล์จริงๆ
ที่นี่ไม่มีพิธีรีตองมากมายครับ ไม่มีเบลล์มาคอยช่วยยกกระเป๋า ไม่ได้มีล็อบบี้หรูหราให้คุณนั่งคอย ไม่มีเวลคัมดริ้งเย็นๆ มาต้อนรับ เพราะที่นี่ไม่ใช่โรงแรมหรือรีสอร์ทที่พร้อมจะประเคนความสะดวกสบายในแง่มุมแบบโรงแรมหรือรีสอร์ททั่วไป แต่ที่นี่คือ ฟาร์มสเตย์ หรือ โฮมสเตย์ ที่ตั้งอยู่กลางแปลงดอกไม้ และธรรมชาติ เพราะฉะนั้นใครมาพักที่นี่ให้เปลี่ยนโหมดความคิดให้เข้ากับคอนเซ็ปของที่นี่ แล้วคุณจะได้รับความสุขจากการเข้าพักที่นี่อย่างเต็มร้อย
เดินเข้ามาถึงบริเวณต้อนรับ ซึ่งปัจจุบันถูกใช้เป็นพื้นที่สำหรับลูกค้าที่มาทานอาหารในร้านไปด้วยพร้อมๆ กัน ที่นี่ไม่ได้มีเค้าเตอร์ต้อนรับอย่างเป็นทางการ เพราะฉะนั้นเราก็หาที่วางกระเป๋าแล้วเดินเข้าไปแจ้งเจ้าหน้าที่ในร้านได้เลยครับว่าต้องการมาเช็คอินน์เข้าที่พัก เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะช่วยจัดการให้เราเองครับ
ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ดำเนินการเรื่องเช็คอินน์ ลองแอบส่องไปด้านหลังที่พัก เป็นแปลงดอกไม้ ซึ่งปกติที่นี่จะปลูกดอกคลัสเตอร์สีขาว และ ดอกเบญมาศ ซึ่งดอกไม้เหล่านี้จะมีปลูกสลับกันอยู่ตลอดทั้งปี เนื่องจากดอกคลัสเตอร์สีขาวเป็นดอกไม้ที่ใช้แซมช่อดอกไม้อื่นๆ จึงถือว่าเป็นดอกไม้ที่มีความจำเป็น และ สามารถขายได้ทั้งปี ชาวบ้านที่นี่ก็เลยปลูกดอกไม้ในสวนให้เราได้ชมตลอดทั้งปีเช่นกัน
ห้องพัก
ห้องพักที่ Chic 39 มีทั้งหมด 4 ห้อง ซึ่งห้องพักแต่ละห้องมีพื้นที่ของทั้งชั้นในอาคาร 4 ชั้นหลังนี้
ชั้นที่ 1 คือ ห้องที่ 1 , ชั้นที่ 2 คือห้องที่ 2 , ชั้นที่ 3 คือห้องที่ 3 และ ชั้นที่ 4 คือชั้นบนสุด เรียกว่าห้อง Penthouse
ห้องชั้นบนสุดจะมีชื่อเรียกว่าห้อง Penthouse ซึ่งเป็นห้องที่ออกแบบให้ผนังเป็นกระจกเปิดโล่งเพื่อชมวิวได้เกือบ 360 องศา เลยล่ะครับ
สำหรับผนังห้องพักในแบบอื่นๆ มีหน้าต่างให้ปกติครับ
พวกเราพักในห้องชั้นบนสุด ซึ่งเป็นห้องที่สามารถชมวิวได้จากมุมสูงแบบรอบตัวที่พัก
ได้เต็มอิ่มกับการนั่งชมวิวของธรรมชาติและได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์แบบเต็มที่จริงๆ
ห้องพักจะแบ่งออกเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น และ ห้องนอน
เดินเข้ามาจากหน้าประตูจะเจอส่วนของห้องนั่งเล่น ที่โปร่งโล่งสบายแบบนี้ก่อน
ของประดับตกแต่งในห้องส่วนใหญ่เป็นของสะสมที่ผ่านกาลเวลามาค่อนข้างยาวนานอยู่ไม่น้อย ถือว่าเป็นของตกแต่งที่มีคุณค่า และ ไม่ได้หาซื้อได้ง่ายๆ ในปัจจุบัน
เดินผ่านห้องนั่งเล่น เราเข้าไปชมบรรยากาศในห้องนอนกันต่อดีกว่าครับ
ห้องนอนตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของตัวอาคาร ซึ่งออกแบบให้ดูเปิดโล่งโดยใช้ผนังกระจกบานใหญ่ ทั้งด้านข้างเตียงนอน และ บริเวณปลายเตียง
ภายในห้องนอนมีเครื่องปรับอากาศ ทีวี เก้าอี้นวด... ใช่ครับผมพิมพ์ไม่ผิด ที่นี่มีเก้าอี้นวดให้ด้วยครับ สุดยอดมั๊ยล่ะ..
แต่ขอแนะนำว่า ถ้าจะเปิดแอร์ ต้องอย่าลืมปิดผ้าม่านที่กั้นระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเล่นด้วยนะครับ เพราะว่า พื้นที่ทั้งหมดของห้องค่อนข้างใหญ่ ถ้าเปิดม่านทิ้งไว้ แอร์จะเย็นช้าน่ะครับ
ผมเปิดประตูห้องนอนออกไปตรงบริเวณเล็กๆ ด้านนอกเพื่อเก็บภาพบรรยากาศด้านนอก ซึ่งเป็นวิวพระอาทิตย์ตกด้านหลังดอยสุเทพ
แต่วันนี้เมฆเยอะไปหน่อยฟ้าเลยขะมุกขะมัวนิดนึง
เห็นไฟด้านล่างตรงแปลงดอกไม้นั่นหรือเปล่าครับ เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟังอีกทีละกันครับ
หลังจากเต็มอิ่มกับบรรยากาศในห้องนอนแล้วก็ออกมานั่งเล่นกันที่บริเวณห้องนั่งเล่นดีกว่า
สำหรับใครที่มาพักกันแบบกลุ่มใหญ่ ผมแนะนำว่าน่าจะพักชั้น 3 กับ ชั้น 4 เพราะว่าเราสามารถเดินหากันได้ โดยใช้บันไดสีเหลืองด้านข้างมุมซ้ายที่เห็นครับ
ภายในห้องนั่งเล่นมีโต๊ะวางนิตยสาร สำหรับให้เราหยิบอ่านชิลล์ๆ ภายในห้องพัก
เข้ามาในห้องน้ำ จะถูกแบ่งเป็นโซนเปียกและโซนแห้ง
และที่สำคัญช่วงฤดูหนาว ถึงแม้คอนเซ็ปของที่นี่จะเป็นแบบฟาร์มสเตย์ หรือ โฮมสเตย์ แต่เค้าก็ไม่ลืมที่จะติดเครื่องทำน้ำอุ่นให้เรานะครับ
หลังจากจัดแจงเก็บสัมภาระ และ สำรวจห้องพัก เรียบร้อยแล้ว ก็ออกมาเก็บภาพบรรยากาศยามเย็นรอบๆ ที่พัก กันต่อดีกว่าครับ
อาคารด้านซ้ายเป็นที่พัก และ ด้านขวาคือร้านอาหาร ส่วนวิวด้านหน้านั่นคือดอยสุเทพครับ
ในช่วงที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ชาวบ้านที่ทำแปลงดอกไม้รอบๆ ที่พักเค้าจะเปิดไฟตรงบริเวณแปลงดอกไม้ ต่ออีกประมาณ 4 ชั่วโมง เพื่อหลอกต้นไม้ว่ายังมีแสงอยู่ ซึ่งวิธีการนี้ คุณโจ๊ก ซึ่งเป็นเจ้าของที่พักได้เล่าให้ฟังว่า เนื่องจากปกติดอกคลัสเตอร์สีขาว ซึ่งเป็นดอกไม้ที่ใช้ในการแซมช่อดอกไม้จะมีความสูงที่ประมาณเลยเข่าขึ้นมาหน่อยนึงซึ่งเป็นขนาดที่ไม่ได้มาตรฐานที่ต้องการของตลาด ชาวบ้านจึงใช้วิธีเปิดไฟหลอกต้นไม้ เพื่อให้ลำต้นมีขนาดที่สูงขึ้นมาถึงช่วงบริเวณสะโพก ซึ่งเป็นขนาดที่สามารถนำไปใช้งานได้นั่นเองครับ
ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น การที่ชาวบ้านในระแวกนี้เค้าทำแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความสวยงามที่ช่วยเติมแต่งให้กับ Chic39 ในช่วงหลังพระอาทิตย์ตกได้อย่างน่าประทับใจเลยล่ะครับ
วันนี้เหนื่อยมากละครับ ขอไปหลับพักผ่อนเก็บแรงก่อนละกันนะครับ เดี๋ยวเช้ามาต่อกันใหม่
......
อาหารเช้าและร้านอาหารในที่พัก
ผมนึกถึงป้ายตัวใหญ่ๆ ด้านหน้าที่พัก ตอนที่จอดรถขึ้นมาทันที " SLOW LIFE " ใช่เลยอะครับ นี่มันคือชีวิตแบบ Slow Life จริงๆ ผมไม่เห็นความเร่งรีบอะไรเลยในระยะรอบๆ ที่พักในขณะนี้ ไม่มีรถติด ไม่มีเสียงแตร ไม่มีคนหอบหิ้วกระเป๋าแล้วเดินแบบเร่งรีบ ที่นี่มีแต่อากาศที่บริสุทธิ์ และ ธรรมชาติสีเขียวรอบตัว
ผมนั่งอยู่ตรงนี้นานจนพระอาทิตย์ขึ้นไปสูงแล้ว แดดยามเช้าเริ่มส่องมาแรงขึ้นเรื่อย เลยต้องหลบเข้ามานั่งในห้องแทน
ชาวสวนเริ่มออกมารดน้ำ ใส่ปุ๋ย ให้กับต้นไม้กันแต่เช้า
ซึ่งเราสามารถหยิบรองเท้าบู๊ทที่มีเตรียมไว้ให้ในห้องนอน แล้วสวมหมวกลงไปเดินเล่นในสวนก็ได้ครับ ถือว่าเป็นการได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นอย่างเข้าถึงจริงๆ เลย
นั่งไปนั่งมา ได้เวลาอาหารเช้าแล้วล่ะครับ
เดี๋ยวลงไปทานอาหารเช้ากันดีกว่าครับ
เดินผ่านทางเชื่อมระหว่างส่วนของที่พัก และ ร้านอาหาร
ชอบมากครับที่เค้าออกแบบเป็นกระจกบานใหญ่แบบนี้ ทำให้สามารถมองเห็นวิวได้อย่างเต็มตา
พื้นที่สำหรับทานอาหารเช้า เป็นส่วนของร้านอาหาร Chic 39
อาหารเช้าของที่นี่เค้ามีคอนเซ็ปคือ "เที่ยว Local กิน Local"
อาหารเช้าจะเริ่มเสิร์ฟประมาณ 8.30 - 9.00 น. ซึ่งที่นี่เค้าจะออกไปหาซื้ออาหารอร่อยๆ จากร้านดังๆ บริเวณนี้มาเตรียมไว้ให้ โดยที่เราไม่ต้องเสียเวลาขับรถออกไปเที่ยวหาร้านด้วยตัวเองเลยครับ
เรามาดูหน้าตาอาหารกันดีกว่าครับว่าเช้านี้ ทาง Chic39 เค้าเตรียมอะไรไว้ให้พวกเราทานบ้าง
อย่างแรก ไส้อั่ว แคปหมู น้ำพริกหนุ่ม กินกับข้าวเหนียว
โจ๊กหมูสับ
ข้าวซอยไก่
ปิดท้ายด้วยแตงโมฉ่ำๆ ชื่นใจ
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ผมขอแนะนำในส่วนของร้านอาหารต่อเลยละกันครับ
จริงๆ แล้ว อาหารทั้งหมดด้านล่างนี้เราทานตั้งแต่เมื่อวานตอนเข้ามาเช็คอินน์แล้วล่ะครับ
ส่วนภาพถ่ายอาหารเซ็ตนี้เป็นภาพถ่ายจากมือถือรุ่นโบราณ ภาพอาจไม่คมชัดมากนัก แต่ขอสรุปว่าอร่อยทุกอย่างจริงๆ ผมจึงไม่แปลกใจเลยว่าที่นี่มีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาอย่างไม่ขาดสายเลย สำหรับส่วนของร้านอาหาร
ร้านอาหารของที่นี่ชื่อว่า ร้าน Chic 39
สำหรับรายการอาหารแนะนำก็ตามป้ายด้านล่างนี่เลยครับ
ร้านเปิดให้บริการทุกวัน 10.00 - 21.00
สปาเก็ตตี้ไวท์ซอสไข่กุ้ง
พิซซ่าฮาวายเอี้ยน และ เปบเปอร์โรนี อย่างละครึ่ง
ข้าวแกงกระหรี่ปลาแซลม่อน
สำหรับเมนูที่เรียกว่า BEST SELLER MENU ของที่ร้านคือ เมนูพิซซ่าหน้าน้องกุ้ง
พวกเราไม่ได้สั่งมาเลยขอนำภาพจากทางเพจของ chic 39 มาให้ชมแทนละกันนะครับ
เรามาดูในส่วนของเบเกอร์รี่กันบ้างครับ
ที่นี่มีเบเกอร์รี่ให้เลือกหลากหลายเลยครับ
เราเลือกบานอฟฟี่มาทานดู
บอกเลยว่าอร่อยมากๆๆๆๆๆๆ
ชั้นบนสุดเป็นวิปครีม ชั้นกลางเป็นกล้วย ชั้นล่างเป็นโอรีโอ้ เสิร์ฟคู่กับแอปเปิ้ลหั่นเป็นชิ้น และ ซอสคาราเมลสำหรับใครที่ชอบทานหวานมากขึ้นอีกหน่อย
บรรยากาศภายในร้านตกแต่งแบบแนวๆ
มีที่นั่งด้านในและด้านนอก
มีของตกแต่งจุกจิกน่ารักๆ ให้ได้แชะภาพ เพื่อแชร์ในโลกโซเชียลเยอะแยะเต็มไปหมดเลยครับ
จริงๆ แล้วที่พักที่นี่ทางร้านเตือนเลยครับว่าไม่เหมาะกับเด็กเล็กอย่างมาก เพราะว่าการออกแบบที่พักเน้นการเปิดโล่ง ทำให้ราวระเบียงต่างๆ โล่งมาก เด็กเล็กๆ ไม่เหมาะจะพักอย่างยิ่ง
แต่ถ้าใครมีเด็กเล็กๆ แล้วอยากพักที่นี่จริงๆ ผมแนะนำว่าให้เลือกพักชั้นล่างสุดเลยดีกว่าครับ เนื่องจากที่นี่ถึงแม้จะมี 4 ชั้น แต่ไม่ได้มีลิฟท์ให้ เราจะได้ไม่ต้องเดินขึ้นบันไดไปพร้อมกับความเสียวตลอดทางในกรณีที่มีเด็กเล็ก และ ที่สำคัญหากพักชั้นล่างสุด ด้านหน้าจะติดกับแปลงดอกไม้ เด็กๆ สามารถออกมาวิ่งเล่นบนสนามหญ้าได้อีกด้วยครับ
อย่างเจ้าลูกชายผมนี่พูดเลยว่าสนุกมาก ได้วิ่งเล่นในแปลงดอกไม้ เหงื่อโชกเต็มหัวเหม่งเลยครับ..
ก่อนจะจองห้องพักที่นี่ ทางที่พักได้ส่งข้อมูลแนะนำตัวตันของที่พักมาให้ได้พิจารณาอย่างชัดเจนตามนี้ครับ
#### Chic39 ขอแนะนำตัวตน ก่อนท่านจะตัดสินใจจองห้องพักนะครับ
Chic39
คือ ร้านอาหารแนวๆ (แนวไหนก็ไม่รู้)
เราขาย Pizza Pasta Cake & coffee
ที่มี ห้องพัก 4 ห้อง
Chic39
คือ ที่พักแนว Hipster
's Homestay ลูกทุ่ง ชนบท
หาใช่ 4 หรือ 5 stars hotel / resort หรูหรา ไม่
Chic39
บริการแบบลูกทุ่งๆ บ้านนอกๆ มีความเป็นกันเองให้กัน คุยหยอกล้อกันแบบคนบ้านนอก
Chic39
อยู่ท่ามกลางแปลงดอกไม้ ล้อมด้วยภูเขาลิบๆ
เหมาะสำหรับ ท่านที่รักธรรมชาติ หลงใหลชนบท มองหาความสงบ เงียบๆ เรียบง่าย slow & simply life คือ อยู่แบบช้าๆ และ ง่ายๆ "ไม่เยอะ"
Chic39
อาจจะไม่เหมาะกับ ท่านที่คาดหวังว่า
มาตรฐานการบริการของเรา จะต้องเทียบเท่าเหมือนกับ โรงแรม รีสอร์ต หรู เราบ้านนอกๆ ครับ
เราออกแนว "Self Sevice" นะครับ^^
และ สำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก เราอาจไม่มีความปลอดภัยมากนักนะครับ เพราะราวกันตกของเราเน้นความ"โล่ง โปร่ง" เด็กเล็กต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองนะครับ
Chic39
"อาหารเช้า"
( เที่ยว local กิน local )
ร้านไหนดัง ร้านไหนอร่อย เราจะจัดมาให้คุณทาน คุณจะไม่เสียเวลา( อย่างน้อยก็ครึ่งวัน) เพื่อไปหาร้านเหล่านี้ ซึ่งส่วนมาก ต้องรอ ที่จอดรถก็หายาก
เช่น โจ๊ก กาดพยอม โจ๊ก กาดชวมโชค โจ๊ก สมเพชร ก๋วยจั๊บ ช้างเผือก ข้าวซอยลำดวน เป็นต้น
((เราไม่มี American Breakfast เสริฟ นะครับ)))
เรา คือ Homestay บ้านนอกๆ ที่อยู่ท่ามกลางทุ่ง แปลงดอกไม้
ฤดูร้อนก็ร้อนนนนนเลยนะครับ ฤดูฝน แมลงเม่า และ แมลงต่างๆ อาจบินเข้ามาทักทายกันบ้าง
ฤดูหนาว ก็ หนาว ซะจน ต้องลงมาผิงไฟกันหน้าเตา Pizza
สรุปความคิดเห็นเกี่ยวกับการเข้าพักที่ Chic 39 Bed Bar and Bakery
- แนวคิดชัดเจน ในเรื่องของความเรียบง่าย ทั้งการออกแบบ การบริการ
- บรรยากาศรอบที่พักเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหลบหนีความวุ่นวายเพื่อมาพักผ่อนจริงๆ โดยเฉพาะหลังพระอาทิตย์ตก ช่วงที่ชาวสวนเปิดไฟในแปลงดอกไม้ดูแล้วสวยงามมาก
- ภายในห้องพักแบ่งเป็นสัดส่วน และ มีการตกแต่งได้อย่างลงตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่พอเหมาะ
- ความสะอาดถ้าเทียบกับโรงแรม รีสอร์ทหรู คงไม่ใช่ แต่ถ้าเทียบในลักษณะฟาร์มสเตย์ หรือ โฮมสเตย์ ผมว่าเกินกว่าที่คาดไว้เยอะเลยครับ โดยเฉพาะที่นอน หมอน ผ้าห่ม ถือว่าสะอาดมากๆ เหมือนพักโรงแรมทั่วไป
- ประทับใจอาหารเช้า แปลกไม่เหมือนที่อื่นๆ และ รสชาติอร่อยจริงๆ เพราะทางร้านเลือกอาหารจากร้านดังๆ มาเสิร์ฟโดยเฉพาะ
- อาหารของทางร้าน ถือว่าอร่อยมากๆ ราคาค่าอาหารพอๆ กับร้านในตัวเมืองทั่วไป แต่บรรยากาศดีกว่าเยอะ
- บริเวณรอบที่พักมีแปลงดอกไม้ ทำให้มีกิจกรรมได้ทำในระหว่างวัน เรียกว่าสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้โดยไม่ต้องออกไปไหนเลย เพราะมีทั้งที่พัก ที่กิน และ กิจกรรมให้ทำ
- ที่พักตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 20-25 นาที เท่านั้น หากต้องการขับรถเข้ามาเที่ยวในตัวเมืองก็ถือว่าไม่ไกลเท่าไหร่
ราคาและการจองห้องพัก
ราคาห้องพัก 1,xxx - 2,xxx
ขึ้นอยู่กับช่วงวันและเวลาเข้าพัก
ที่อยู่ : 240 หมู่4 ตำบลเหมืองแก้ว อำเภอแม่ริม เชียงใหม่ 50180
โทร : 092 275 3939
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/Chic-39-275211566017118/timeline/
แผนที่ Chic 39 Bed Bar and Bakery
พิกัด GPS 18.888103, 98.979357