เที่ยวสถานีเกษตรหลวง พักผ่อนกับที่พักในบรรยากาศดีๆ
เพลิดเพลินกับอาหารที่แสนอร่อย
ชมน้ำตกสิริภูมิ น้ำตกที่ไหลลงมาเป็นคู่สวยงามอย่าบอกใครเชียว
ติดตามทริปพาเที่ยวพากินที่สถานีเกษตรหลวงกันครับ
หลังจากที่ออกจาก บ้านแม่กลางหลวง (http://chiangmai.holidaythai.com/2015/01/baan-mae-klang-luang.html) พวกเราขับต่อไปอีกจนถึงหลัก กม 31 เลี้ยวขวาเข้าหมู่บ้านขุนกลาง จากนั้นเลี้ยวซ้ายตรงสามแยกสหกรณ์การเกษตรโครงการหลวงดอยอินทนนท์ ขับรถตามเส้นทางในหมู่บ้านอีกประมาณ 1 กิโลเมตรก็จะถึงสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์
ทางเข้าสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์มีป้ายบอกทางชัดเจนครับ ไม่ต้องกลัวหลงเลย
บริเวณทางเข้าด้านหน้า ตรงป้ายมีปลูกดอกไม้หลากสีดูแล้วสวยงามมากๆ
ภายในบริเวณสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์จะมีแผนที่เส้นทางท่องเที่ยว รวมถึงโบรชัวร์แสดงตำแหน่งของสถานที่สำคัญภายใน ให้นักท่องเที่ยวได้ใช้เป็นข้อมูลเพื่อศึกษาเส้นทางท่องเที่ยวได้ด้วยตัวเอง
จากบริเวณสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์เราสามารถมองเห็นน้ำตกสิริภูมิได้อย่างชัดเจนครับ น้ำตกสิริภูมิมีลักษณะเป็นสายน้ำตกแฝดไหลลงมาคู่กันแต่เดิมเรียกว่า เลาลี ตามชื่อของหมู่บ้านม้ง (แม้ว) เลาลี ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับบริเวณของน้ำตก
พวกเรามาถึงที่สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ก็เที่ยง ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี
ชั้นล่างเป็นที่เช็คอินน์สำหรับเข้าที่พัก
หากจะทานอาหารให้เดินขึ้นบันไดไปชั้นบน
เมนูแนะนำของที่สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์
- ขาหมู - หมั่นโถว
- เป็ดอี้เหลียงอบ - กาแฟ
- สเตอร์เจี้ยนนึ่งซีอิ๊ว
- น้ำพริกเห็ดหอม -ปลาสลิด
- กุ้งก้ามแดงราดซอสมะนาว
- เห็ดออรินย่างยำตะไคร้
- แกงเลียง /แกงส้ม
ในส่วนของ ของหวานก็เป็น เต้าฮวยฟรุ๊ตสลัด
ปลาสเตอร์เจี้ยนนึ่งซีอิ๊ว ราคา 200 บาท
ปลาสลิดทอด น้ำพริกเห็ดหอม ราคา 150 บาท
กุ้งก้ามแดงราดซอสมะขาม ราคา 300 บาท
เป็ดอี้เหลียงอบ ใส่เม็ดกาแฟ ราคา 120 บาท
ซูมเข้าไปดูเม็ดกาแฟกันแบบใกล้ๆ
ทานกันสองคนเยอะไปมั๊ย?! ไม่เยอะหรอกครับ เพราะว่าทานเกลี้ยงหมดทุกจานเลยครับ
ค่าอาหาร 770 บาท
ข้าว 2 จาน 20 บาท
น้ำเปล่า 10 บาท
เบ็ดเสร็จก็ 800 บาท ครับ สำหรับมื้อนี้
ด้านข้างของบริเวณทานอาหารมีสวนแนวตั้งให้ได้นั่งชม
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วก็ได้เวลาเช็คอินน์เข้าที่พัก
พวกเราเช็คอินน์เสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่เข้าที่พักเพราะว่าอยากเดินเล่นในสวนสวยๆ กันก่อน
ตามมาชมสวนสวยๆ กันเลยครับ
ร้านกาแฟ ดอยคำ ภายในสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับบริเวณของสวน 80 พรรษา
ได้กาแฟมาแก้วนึงแล้วก็เดินไปดูหงส์ดำ ที่พี่เบิร์ดเค้านำมามอบให้ไว้ที่นี่ ตอนแรกเอามาให้ไว้ 2 ตัว ตอนนี้ขยายพันธ์กลายเป็น 5-6 ตัวแล้วล่ะครับ
นอกจากหงส์ดำแล้วยังมีหงส์ขาวซึ่งมีคนนำมามอบให้เหมือนกันครับ
ที่สวน 80 พรรษาจะมีดอกไม้สวยๆ ให้ได้เดินเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี เพราะว่าอากาศที่นี่จะเย็นสบายตลอดทั้งปีเลยครับ
ดอกกุหลาบพันปี ในสวน 80 พรรษา
เดินไปดูโรงเรือนที่ปลูกต้นเฟิร์น และ ต้นไม้กินแมลงกันต่อ
ตัวอย่างของพันธ์ไม้ที่กินแมลงเป็นอาหาร จะจัดแสดงไว้ในตู้
ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง ก็เป็นพันธ์ไม้อีกชนิดที่กินแมลงเป็นอาหารเหมือนกัน
ส่วนโซนนี้ก็มีต้นไม้ ดอกไม้ สายพันธ์และหน้าตาแปลกๆ เยอะเลยครับ
ชมดอกไม้สวยๆ ไปเรื่อยๆ ละกันนะครับ ผมก็ไม่รู้จักชื่อเหมือนกันครับ แต่ถ้าใครมาเที่ยวเค้าจะมีชื่อติดไว้ ถ้าสนใจลองมาดูด้วยตาตัวเองละกันนะครับ
ออกจากโรงเรือนรวบรวมและจัดแสดงพันธ์ไม้แล้ว ก็เดินมาดูบ่อเลี้ยงปลาเทราส์กันต่อ สำหรับปลาเทราส์เหล่านี้เค้าเลี้ยงไว้ทำอาหารให้นักท่องเที่ยว แต่ว่าจะกินได้แค่ช่วงเดิน ตุลาคม - มกราคม ของทุกปีเท่านั้นนะครับ นอกเหนือจากนั้น เค้าจะไม่มีเมนูปลาเทราส์
นางพญาเสือโคร่งในช่วงไร้ดอก น่าจะต้องรอประมาณเดือนธันวาคม ถึงจะได้เห็นดอกสวยๆ ของนางพญาเสือโคร่ง
เดินไปเรื่อยๆ มาเจอโซนเพาะชำ พวกเราเดินเข้าไปด้านใน เก็บภาพกันจนพอใจ ก็เดินกลับออกมา เพิ่งเห็นป้ายด้านหน้าว่า ห้ามบุคคลภายนอกเข้าไป...
พืชผักที่นี่จะปลอดสารพิษ ซึ่งจะนำไปใช้ในการปรุงอาหารให้นักท่องเที่ยวได้ทานกัน
พวกเราเดินเที่ยวกันซะเพลินกลับมาที่สวน 80 พรรษาอีกครั้ง เจ้าหงส์ขาว ก็แอบงีบ ไปซะแล้ว
เดินชมจนทั่วบริเวณ แล้ว ว่าจะเดินไปดูน้ำตกใกล้ๆ แต่เดินไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวเก็บไว้พรุ่งนี้เช้าละกัน ขอเข้าห้องพัก อาบน้ำอาบท่า พักผ่อนนอนหลับซักงีบก่อนละกัน
จากที่พักสามารถมองเห็นน้ำตกสิริภูมิเป็นแบ็คกราวด์อยู่ด้านหลังสวยงามมากครับ
เตียงนอนใหญ่ นุ่ม น่านอนมากๆ แถมมีบันได้ ขึ้นไปชั้นลอย สามารถนอนเพิ่มได้อีก 2 คน เพิ่มเงินอีกคนละ 400 บาท ถ้าจำไม่ผิดนะครับ รวมอาหารเช้ามื้อนึง
มีระเบียงด้านหลัง เห็นลำธาร จากน้ำตก สิริภูมิไหลผ่าน
ภายในห้องพักสะอาดมากครับ เค้าดูแลดีมากๆ ราคาก็ไม่แพง ช่วงที่พวกเราไปเที่ยว เค้าคิดคืนละ 1,100 บาท สำหรับ 2 คน รวมอาหารเช้า อร่อยๆ ด้วยครับ ถ้าสนใจเข้าพักที่นี่ก็ติดต่อทางสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ฝ่ายสำรองห้องพักได้ที่เบอร์นี้นะครับ 053-286771-2 ต่อ 14,15
เจอที่นอนนุ่มนอนสบายเลยหลับไปงีบนึง ตื่นมาก็มืด หิวอีกแล้ว เดินกลับมาที่ร้านอาหารเดิม ที่มาทานเมื่อตอนกลางวัน
ด้านหลังของชื่ออาหารจะมีสัญลักษณ์ต่างๆ ซึ่งความหมายของสัญลักษณ์ก็ตามภาพนี้เลยครับ
เมนูเห็ด ราคา 100 บาท
แกงเลียง ราคา 80 บาท
สลัดผักสดๆ รสชาติสุดยอด ราคา 50 บาท
ไส้อั่ว (เมนูแนะนำของพ่อครัว) ราคา 80 บาท
ปิดท้ายด้วยของหวาน เต้าฮวยฟรุ๊ตสลัด ราคา 45 บาท
เบ็ดเสร็จมื้อนี้หมดไป 330 บาท
ทุกจานหมดเกลี้ยงอีกเช่นกัน
หลังจากที่นอนจนอิ่ม และ ทานอาหารกันจนจุกแล้ว ก็เดินเล่นชมความงามของโรงเรือนที่ในยามค่ำคืนจะเปิดไฟให้กับต้นไม้ ดูแล้วเหมือนหนอนไฟตัวยาวๆ หลายๆ ตัว เต็มทั่วบริเวณไปหมด สวยงามจริงๆ
พันธ์ไม้เหล่านี้ต้องการแสงตลอดเวลา ทำให้ยามค่ำคืน ก็ต้องเปิดไฟไว้ให้มันด้วย
เงยหน้าขึ้นไปดูพระจันทร์ วันนี้นี้น่าจะเป็นวันพระหรือเปล่านะครับ เพราะว่าพระจันทร์ เปล่งแสงให้ยลชมแค่ครึ่งเสี้ยวแบบนี้
ว่าแล้วก็กลับเข้าที่พักนั่งดูทีวี อาบน้ำนอนต่อ
ตื่นเช้ามา ก็เดินออกกำลังกายเพื่อไปทานอาหารเช้ากัน อากาศเย็นสบาย และสดชื่นมากๆ
อาหารเช้ามีให้เลือกเป็นข้าวต้ม กับ ABF น่ะครับ
ชามนี้เป็นข้าวต้ม
ส่วนอันนี้เป็นอาหารฝรั่ง
มีสลัดแถมมาให้ด้วยชุดนึง
และปิดท้ายด้วยผลไม้
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้วก็ออกไปเดินเล่นชมความงามของสวนกันต่อ
คราวนี้เดินไปทางด้านหลังเพื่อจะไปชมน้ำตกสิริภูมิกันแบบใกล้ๆ
เดินตามเส้นทางที่เป็นปูนไปเลยครับ
ระหว่างทางก็จะผ่านลำธาร ซึ่งเป็นน้ำจากน้ำตกสิริภูมิ
ลำธารสายนี้จะไหลผ่านด้านหลังที่พัก ทำให้ได้ยินเสียงน้ำตลอดเวลา
เดินไปเรื่อยๆ ระยะทางไกลพอได้เลยครับ
พอเดินไปซักพักก็จะเป็นทางที่ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น คือเป็นทางดิน ไม่มีเทปูนแล้ว
และทางก็เริ่มลำบากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเดินเข้าไปลึกๆ ยิ่งได้ยินเสียงน้ำตกดังชัดมากขึ้น
สุดท้ายเดินไปไม่ถึงหรอกครับ ใช้กล้องซูมเข้าไปดูน้ำตกใกล้ๆ แทนละกันครับ
หลังจากเดินเล่นชมความงามจนถึงเวลาเช็คเอ้าท์ แล้วก็เก็บข้าวของออกจากที่พัก
ระหว่างขับรถออกจากที่พัก หันไปเห็นน้ำตกสิริภูมิจากระยะไกล ดูแล้วสวยงามมากๆ ครับ
ทริปนี้ถือว่าเป็นทริปที่น่าประทับมากๆ ทริปนึงเลยล่ะครับ
เพราะว่าสถานที่สวยมาก อาหารก็อร่อยมากๆ ที่นอนก็นอนสบายมากๆ
ถ้ามีโอกาสอย่าลืมแวะมาเที่ยวกันนะครับที่สถานีเกษตรหลวงอินนนท์
มาเที่ยวที่นี่แล้วก็ไม่ต้องออกไปไหนเลยครับ เข้าไปแล้วใช้เวลาอยู่ในนี้ได้ทั้งวัน ทั้งคืนเลย
สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ เป็นสถานีวิจัยอีกแห่งหนึ่งของมูลนิธิโครงการหลวง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2522 ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะช่วยเหลือชาวไทยภูเขาให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถปลูกพืชที่เป็นประโยชน์และเป็นรายได้ ทำให้ชาวเขาอยู่เป็นหลักแหล่ง เลิกปลูกฝิ่น เลิกตัดไม้ทำลายป่า เลิกทำไร่เลื่อนลอย หันมาปลูกพืชเมืองหนาวและเลี้ยงสัตว์ด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ สมดังพระราชประสงค์ที่จะช่วยชาวไทยภูเขาให้ช่วยตัวเองได้
สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ เลขที่ 202 บ้านขุนกลาง หมู่ 7 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ 50160 โทร. 053-286-777-8 โทรสาร 053-286-779 หรือ 080-769-1944
เดินทางสู่สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์
จากกรุงเทพฯ-สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ รวมระยะทาง 785 กิโลเมตร เดินทางโดยรถยนต์ใช้เวลาประมาณ 11 ชั่วโมง จากตัวเมืองเชียงใหม่-สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ รวมระยะทาง 90 กิโลเมตร เดินทางโดยรถยนต์ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
เมื่อเดินทางมาถึงตัวเมืองเชียงใหม่แล้ว ท่านสามารถเดินทางมาที่สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์โดยใช้เส้นทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 108(เชียงใหม่-จอมทอง) ผ่านอำเภอหางดง อำเภอสันป่าตอง กิ่งอำเภอดอยหล่อ ตรงหลักกิโลเมตรที่ 57 ก่อนถึงตัวอำเภอจอมทองประมาณ 1 กิโลเมตร ให้แยกขวามือมาตามทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1009 (จอมทอง-ดอยอินทนนท์)
เดินทางตามเส้นทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1009 ผ่านด่านที่ 1 (อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์) บริเวณ กม.ที่ 8 (น้ำตกแม่กลาง)
เมื่อเดินทางถึงกิโลเมตรที่ 31 เลี้ยวขวาเข้าหมู่บ้านขุนกลาง จากนั้นเลี้ยวซ้ายตรงสามแยกสหกรณ์การเกษตรโครงการหลวงดอยอินทนนท์ ขับรถตามเส้นทางในหมู่บ้านอีกประมาณ 1 กิโลเมตรก็จะถึงสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์
แผนที่สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์
พิกัด GPS 18.543093,98.519554
เส้นทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ขึ้นสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
เช่ารถในเชียงใหม่กับ Rentalcars.com
