เที่ยวบ้านแม่กลางหลวง ชมนาข้าขั้นบันได
จิบกาแฟอร่อยๆ ดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สดชื่น
หลีกหนีความวุ่นวาย มองไปทางไหนก็สบายตา สบายใจไปซะหมด
สถานที่ท่องเที่ยว และ กิจกรรมน่าสนใจที่บ้านแม่กลางหลวง
นาขั้นบันได ชมการทำนาขั้นบันไดเป็นการแสดงให้เห็นภูมิปัญญาของชาวบ้านในการใช้พื้นที่และการจัดการน้ำ ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ชาวบ้านจะทำพิธีกรรมในนาขั้นบันได เพื่อขออนุญาตปลูก-เก็บเกี่ยว และขอบคุณที่ให้ผลผลิต
ไร่กาแฟอินทรีย์ เป็นการทำไร่กาแฟแบบผสมผสานกับไม้ป่าอื่นๆเพื่อไม่ทำลายป่าและไม่ใช้ยาฆ่าแมลง
บ่อเพาะพันธุ์ปลาเรนโบว์เทร้า ชาวบ้านแม่กลางหลวงได้รับความไว้วางใจจากโครงการหลวงในการดูแลบ่อปลาเรนโบว์เทร้า ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านแม่กลางหลวง
กุ้งนาข้าว เป็นกุ้งก้ามกรามที่ถูกเลี้ยงในนาข้าวแบบธรรมชาติที่แม่กลางหลวง
ดอยหัวเสือ จากจุดชมวิวดอยหัวเสือ จะมองเห็นวิวที่สวยงามและไกลจนถึงลำพูน ตลอดเส้นทางได้สัมผัสกับธรรมชาติ พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
น้ำตกผาดอกเสี้ยว เดินท่องป่าเข้าไปยังน้ำตกผาดอกเสี้ยว หรือน้ำตก “รักจัง” เป็นแหล่งทรัพยากรที่มีค่า และยังคงความสมบูรณ์ของเป็นธรรมชาติ
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านและศูนย์วัฒนธรรมปกาเกอะญอ รวบรวมศิลปวัตถุและเรื่องราวของชาวปกาเกอะญอลุ่มน้ำกลาง อาทิ เครื่องจักสาน ผ้าทอ เครื่องมือเครื่องใช้โบราญของชนเผ่า เครื่องดนตรี รวมทั้งีการสาธิตการใช้ชีวิตตามแบบดั้งเดิม การทอผ้า การอื่อทา การละเล่น/แสดง และการเตรียมข้าวสาร เป็นต้น
กุมภาพันธ์ : พิธีผูกข้อมูลปีใหม่ของชาวปกาเกอญอ
มิถุนายน : พิธีเลี้ยงผีฝาย ไหว้เจ้าที่ก่อนทำนา
กรกฎาคม : พิธีผูกข้อมือเข้าพรรษา
สิงหาคม : พิธีเรียกผีนา (ผีโต้ง) ผีไร่
พฤศจิกายน-ธันวาคม : พิธีเรียกขวัญข้าว ทำบุญข้าวใหม่
รีวิวเที่ยวบ้านแม่กลางหลวง
ช่วงนี้มีธุระขึ้นมาทางเหนือ เลยถือโอกาสแวะไปชมความสวยงามของนาข้าวขั้นบันได ที่ตอนนี้กำลังเขียวชะอุ่มเต็มที่เลย
นาข้าวช่วงนี้ส่วนใหญ่ยังไม่ถึงช่วงเก็บเกี่ยวเพราะว่าข้าวยังไม่ออกรวง ได้คุยกับชาวบ้านแถวนั้นเค้าบอกว่า คนที่นี่จะเกี่ยวข้าวกันชวงปลายเดือนตุลาคม คือถ้าใครจะมาเที่ยวชมนาข้าวขั้นบันได ที่บ้านแม่กลางหลวงตอนช่วงเดือนพฤศจิกายน ก็จะไม่เห็นอะไร นอกจากต้นข้าวต้นเล็กที่เพิ่งปักลงไปใหม่ๆ เท่านั้น ดังนั้นถ้าใครต้องการมาชมนาข้าวขั้นบันได แบบกำลังเขียวขะอุ่มเต็มที่ ควรมาเที่ยวไม่เกินเดือนตุลาคมนี้นะครับ
ออกจากบ้านตั้งแต่ 10 โมงเช้า ใช้เส้นทางถนนสายเอเซีย มุ่งหน้า จ.ลำปาง เลี้ยวซ้ายเข้าแยก อ.เถิน อ.ลี้ ขับลัดเลาะริมเขา โค้งไป โค้งมา โค้งซ้าย โค้งขวา มึน ใช้ได้ หลังจากนั้นก็มุ่งหน้า อ.บ้านโฮ่ง ขับไปเรื่อยๆ ตามทาง เจอแยกซ้ายเข้า อ.จอมทอง ขับเลี้ยวเข้าไปตามนั้น หลังจากนั้นขับไปอีกซักพักใหญ่ๆ ก็จะถึง อ.จอมทอง ซึ่งเป็นถนนทางหลวงหมายเลข 108 ถ้าเลี้ยวซ้าย ก็ไปวัดจอมทอง แต่ถ้าจะไปดอยอินทนนท์ให้เลี้ยวขวา ซึ่งบริเวณแยกที่จะเลี้ยวซ้ายขึ้นดอยอินทนนท์ จะมีปั๊มน้ำมันบางจาก กับ ปั๊ม ปตท. ถ้าน้ำมันไม่เต็มถังก็เติมไว้นะครับ ขึ้นเขา ขึ้นดอย ใช้น้ำมันเยอะกว่าปกติ ยังไงปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า
เมื่อคืนนี้มาถึงค่อนข้างดึก และเหนื่อยจากการขับรถ ก็เลยสลบสไลทันทีที่ถึงที่พัก
ตื่นเช้ามา เจอบรรยกาศแบบนี้ค่อยหายเหนื่อยหน่อย
พวกเราเลือกพักที่ Inthanon Kirimaya Mae Klang Luang ค่าที่พักก็ 700 บาท สำหรับ 2 คน ไม่รวมอาหารเช้า แต่ที่นี่สามารถพักได้ถึง 5 คน แต่เค้าคิดราคา 1,000 บาท นะครับ
ที่พักในบ้านแม่กลางหลวง มีอยู่ประมาณ 4-5 แห่งน่ะครับ จะอยู่ใกล้ๆ กัน แต่ละแห่งก็มีที่พักไม่มากซักเท่าไหร่ ถ้าใครจะมาพักต้องโทรมาจองก่อนน่ะครับ
ผมแนะนำให้โทรมาหาพี่สมศักดิ์ ก็ได้ครับ เพราะว่าถ้าที่พักของแกเต็ม แกก็จะแนะนำที่พักที่อื่นๆ ให้ได้ครับ คนที่นี่เค้าพึ่งพาอาศัยกัน
ที่พักที่เราพักกันชื่อว่าบ้านเคียงนา
บรรยากาศภายในห้องพัก เนื่องจากที่พักอยู่กลางทุ่งนา บางทีเปิดปิดประตู อาจมียุงหรือแมลงแอบเข้าไปภายในห้องพัก ที่นี่เค้าเลยมีมุ้งให้กางในตอนกลางคืน
ห้องพักไม่มีพัดลม แต่ตอนกลางคืนอากาศเย็นมากตลอดทั้งปี
ที่พักหลังใหญ่ของ Inthanon Kirimaya Mae Klang Luang หลังนี้พักได้ประมาณ 10 คน ส่วนราคาต้องโทรถามคุณสมศักดิ์ดูนะครับ แต่ไม่น่าจะแพงเท่าไหร่
นี่ก็ที่พักอีกหลังนึง ตั้งอยู่ตรงหัวมุมของนาข้าว
ที่พักหลังนี้จะมีลำธารไหลผ่านได้ยินเสียงลำธารชัดเจน
จากระเบียงหน้าห้องพัก มีบ่อกุ้ง บ่อปลา
ร้านอาหารของทางที่พัก
ตื่นเช้ามาทานอาหารเช้า
เช้านี้สั่งข้าวต้มมาทาน ชามละ 35 บาท รสชาติธรรมดาครับ
ท้องอิ่มแล้ว ไปเดินเล่นรอบๆ บริเวณที่พักดีกว่า
เครื่องบดกาแฟรุ่นเก่าแก่ที่ยังคงใช้บดให้ลูกค้าดื่มกันทุกวันนี้ |
คุณสมศักดิ์ นอกจากแกจะทำธุรกิจ ที่พักแล้ว แกยังปลูกต้นกาแฟ แล้วก็คั่วกาแฟขายด้วยนะครับ ขยันจริง และ ร้านกาแฟ แกก็ขึ้นชื่อมากๆ เรียกได้ว่าถ้าใครมาเที่ยวที่บ้านแม่กลางหลวง ต้องแวะมาจิบกาแฟที่ร้านแกกันทั้งนั้น
ไปถึงที่ร้านก็เจอคุณสมศักดิ์แกกำลังขะมักขะเม่นต้มน้ำ เพื่อชงกาแฟให้ลูกค้า
ก่อไฟ ต้มน้ำเสร็จก็ไปคั่วเม็ดกาแฟต่อ
ได้คุยกับคุณสมศักดิ์อยู่พักใหญ่ ได้ความรู้เรื่องกาแฟ จากแกมาพอสมควร
การคั่วกาแฟ จะคั่วออกมาเป็น 3 ระดับ คือ เข้ม กลาง อ่อน ซึ่งเหตุผลที่ต้องคั่วต่างกันเป็นเพราะว่า คนเราดื่มกาแฟไม่เหมือนกัน บางคนชอบกาแฟร้อน บางคนชอบกาแฟเย็น
กาแฟที่คั่วแบบเข้มเหมาะสำหรับนำไปชงกาแฟเย็น
กาแฟที่คั่วแบบกลางและอ่อน เหมาะสำหรับนำไปชงกาแฟร้อน
ซึ่งกาแฟที่คั่วแบบกลางและอ่อนจะมีคาเฟอีนหลงเหลือยู่ในเม็ดกาแฟ มากกว่า กาแฟที่คั่วแบบเข้ม
ขอเล่าความรู้ที่ได้มาจากคุณสมศักดิ์แกเท่านี้ละกันนะครับ จริงๆ แกเล่าเยอะมาก เพราะว่าแกเป็นนักดื่มกาแฟตัวยง มีความรู้เกี่ยวกับกาแฟเยอะมาก และ ที่สำคัญติดกาแฟมาก ดื่มวันนึง 7-8 แก้ว ถ้าวันไหนไม่ได้ดื่ม เรียกได้ว่าลงแดงกันเลย
ป้าคนนี้แกเดินผ่านมา ไม่รู้เหมือนกันว่าแกจะไปไหน
เห็นเรายืนรออยู่ก็เลยแวะเข้ามาชงกาแฟให้ ชงเสร็จแล้วก็ไป
ชงเสร็จแล้วก็เดินไปเฉยๆ แบบนี้ งงเลย ไม่พูดไม่จาอะไร??
เมล็ดกาแฟ จากต้น ที่ปลูกไว้ใกล้ๆ ร้านกาแฟของคุณสมศักดิ์
ส่วนกาแฟนี่ก็ให้ดื่มฟรี.
แต่ถ้าสนใจก็สามารถสั่งไปชงทานที่บ้านได้
สำหรับใครที่ติดใจในรสชาติของกาแฟ ก็ซื้อเป็นซองมาชงได้ครับ เค้ามีถุงเล็กแบบ 1 กิโลกรัม ราคา 100 บาท ถ้าดื่มหมดแล้ว โทรสั่งแกได้ครับ แกส่งทางไปรษณีย์ให้ถึงที่ โดยไม่คิดค่าส่งครับ
คุณสมศักดิ์แกเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อน ตอนที่บ้านแม่กลางหลวง ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ประมาณซัก 10 ปีที่แล้ว จะมีรายการทีวี ภาพยนตร์ทั้งไทย และ ต่างประเทศมาถ่ายกันบ่อยมาก คนในหมู่บ้านก็ถูกเกณฑ์กันไปเล่นหนังเป็นตัวประกอบกันเยอะ ในแต่ละเดือนมีรายได้เยอะมาก แต่พอพักหลังหมู่บ้านแม่กลางหลวงเริ่มเป็นที่รู้จัก และ เริ่มพัฒนา มีไฟฟ้าเข้ามา มีเสาไฟ มีบ้านเรือนที่ปลูกกันแบบใหม่ ทัศนียภาพแบบเก่าก็หายไป พร้อมกับรายการทีวี และ ภาพยนตร์
ปัจจุบันชาวบ้านที่นี่ก็เลยต้องเข้าไปทำงานที่อุทธยานกันซะส่วนใหญ่ เพราะว่าไม่มีรายได้เหมือนเมื่อก่อนนี้
ที่ร้านกาแฟคุณสมศักดิ์เค้ามีแผนที่เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ถ้าใครสนใจก็เดินตามนี้เลยครับ แต่พวกเราไม่ไหวแล้วครับ เดี๋ยวต้องรีบไปที่อื่นกันต่อ
ชาวบ้านเดินแวะเข้ามาบอกพวกเราว่าที่วัดใกล้ๆ มีจัดงานอะไรซักอย่างผมจำไม่ได้แล้ว เค้าบอกว่าถ้ามีเวลาก็ไปร่วมงานนะ.. เออ.. ดีเนอะ ไม่รู้จักกันก็มาชวนเราไปด้วย..
ซักพักพวกเราก็เลยขอตัวกลับที่พัก เพื่อแพ็คของเตรียมตัวเช็คเอาท์ ก่อนที่จะไปที่วัดไปดูว่าเค้ามีงานอะไรกัน
ไปยังไม่ทันถึงวัด ชาวบ้านก็กำลังเดินกลับกันแล้ว
มีร้านค้าเล็กๆ เปิดให้บริการในชุมชน
และ ที่หมู่บ้านมีปั๊มน้ำมันเล็กๆ
สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจอยากเที่ยวแบบธรรมชาติ ลองแวะมาเที่ยวที่ บ้านแม่กลางหลวงกันดูนะครับ สำหรับช่วงที่น่าเที่ยวต้องไม่เกินเดือนตุลาคมไปนะครับ ไม่งั้นชาวบ้านเค้าจะเกี่ยวข้าวกันหมด ถ้ามาหลังจากนั้นจะได้เห็นแต่ ต้นข้าวที่เพิ่งปักลงไปใหม่ ซึ่งดูแล้วคงไม่สวยเหมือนกับตอนที่ต้นข้าวโตเต็มที่และยิ่งตอนออกรวงประมาณปลายเดือนตุลาคมนี้ก็จะเป็นช่วงที่สวยที่สุดครับ
การเดินทางไปบ้านแม่กลางหลวง
จาก อำเภอจอมทองขับตามทางขึ้น อช.ดอยอินทนนท์ พอถึงป้ายกิโลเมตรที่ 26 ก็เตรียมตัวเลี้ยวเข้าหมู่บ้านทางซ้ายมือได้เลยครับ
แผนที่บ้านแม่กลางหลวง
พิกัด GPS 18.492593,98.671367
เช่ารถในเชียงใหม่กับ Rentalcars.com